หลังก่อตั้งมาเป็นเวลาสิบปี ในที่สุด Dropbox บริการ Sync ไฟล์ออนไลน์ชื่อดังก็ยื่นขอจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ โดยเอกสารที่เปิดเผยต่อคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือ กลต. ของสหรัฐอเมริกาได้เผยแผนเกี่ยวกับการซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ครั้งแรก (IPO) ซึ่ง Dropbox กำลังมองหาการระดมทุนเพิ่มราว 500 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และหุ้นของ Dropbox จะซื้อขายในตลาด Nasdaq ภายใต้สัญลักษณ์ DBX
การเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ครั้งแรกทำให้เราได้เห็นถึงผลประกอบการของบริษัท ซึ่งมีรายได้เพิ่มขึ้นตลอดสามปีที่ผ่านมา จากราว 603 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ไปเป็น 1,100 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เมื่อปีที่ผ่านมา และแม้ตลอดสามปีนี้สุดท้ายแล้ว Dropbox จะขาดทุน แต่การขาดทุนก็น้อยลงเรื่อยๆ จากเดิมขาดทุน 326 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในปี 2015 เหลือขาดทุนเพียง 111.7 ล้านเหรียญเมื่อปีที่ผ่านมา
Dropbox ทำผลงานได้ดีตลอดสองปีที่ผ่านมา โดยในปี 2016 มีผู้ใช้งานแบบเสียค่าบริการกว่า 6.5 ล้านราย และสองปีผ่านไปมีผู้ใช้งานที่เสียค่าบริหารเพิ่มขึ้นเป็น 11 ล้านราย Dropbox ระบุว่า 90% ของรายได้ของบริษัทมาจากผู้ใช้งานกลุ่มนี้
Dropbox ก่อตั้งขึ้นในปี 2007 และเปิดตัวสู่สาธารณะในปี 2008 ด้วยนวัตกรรมการ Sync ไฟล์ที่เรียบง่าย และยังคงยากที่จะหาคู่แข่งเอาชนะความเรียบง่ายนี้ Dropbox เองไม่ได้ขยายธุรกิจมากนักตลอด 10 ปีที่ผ่านมา นอกจากการเพิ่มตัวแก้ไขเอกสารแบบทำงานร่วมกันได้ ซึ่งก็มีคู่แข่งรายอื่นให้บริการเช่นกัน
แต่เมื่อเร็วๆ นี้ Dropbox เพิ่งออกเครื่องมือ Dropbox Showcase ซึ่งเปรียบเสมือนการสร้าง Presentation แนะนำไฟล์ของตัวเอง ซึ่งน่าจะดึงดูดกลุ่มนักออกแบบฟรีแลนซ์ นอกจากนี้ยังมีความพยายาม Rebranding ตัวเองด้วย
ตัวเลขผลประกอบการเหล่านี้แสดงให้เห็นว่า Dropbox ทำได้ดีกับการดูแลกลุ่มลูกค้าที่ชอบผลิตภัณฑ์ของ Dropbox อย่างไรก็ตาม ความสำเร็จในอนาคตขึ้นอยู่กับความสามารถในการพยายามค้นหาผู้ใช้งานใหม่ๆ เช่นเดียวกับ Apple, Microsoft และบริษัทอื่นที่ต่างก็พยายามพัฒนาระบบ Sync ไฟล์ของตนเอง และนำไปประกอบกับเครื่องมือออนไลน์อื่นๆ และ Dropbox ยังต้องเผชิญหน้าครั้งสำคัญกับคู่แข่งในโลกธุรกิจ อย่าง Box เว็บไซต์บริการ Sync ไฟล์อีกเจ้าหนึ่งที่ได้รับความนิยมในหมู่บริษัทขนาดใหญ่ด้วย
ที่มา : www.theverge.com